How to set a condo rental price For beginners in the rental field

post date  Posted on 27 Nov 2025   view 26
article

วิธีตั้งราคาปล่อยเช่าคอนโด สำหรับมือใหม่สายปล่อยเช่า

ปล่อยเช่าคอนโดให้ “ได้ราคา–ได้ผู้เช่า–ได้กำไร” ไม่ใช่เรื่องของดวง แต่มันคือ “กลยุทธ์” ที่เจ้าของต้องรู้ก่อนลงประกาศ เพราะถ้าตั้งราคาถูกไปก็เสียกำไร แต่ถ้าตั้งแพงไป ผู้เช่าก็ไม่สนใจ แถมปล่อยเช่ายากจนห้องว่างข้ามเดือน ซึ่งทำให้ขาดทุนมากกว่าเดิม

บทความนี้จะช่วยให้คนที่กำลังเริ่มปล่อยเช่าคอนโดทำตามได้ทันที พร้อมข้อคิดสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยง–เพิ่มโอกาสปิดดีลแบบไม่ต้องลดราคาเยอะ

รู้ก่อน…อะไรคือ “ราคาตลาด” ของคอนโดที่เราจะปล่อยเช่า

พื้นฐานของการตั้งราคาปล่อยเช่าที่แม่นที่สุด คือการรู้ราคาตลาดจริง (Market Rent) ในย่านนั้น

✔ วิธีเช็กราคาตลาดแบบง่ายสุด

ไม่ต้องซับซ้อน แค่ดูจาก 3 ที่นี้

  • เว็บไซต์ประกาศขาย–เช่า
     
  • Facebook Marketplace / กลุ่มปล่อยเช่าคอนโดในพื้นที่
     
  • ประกาศปล่อยเช่าในโครงการเดียวกัน
     

✔ ต้องดูอะไรจากประกาศเหล่านี้?

  • ห้องขนาดเท่ากัน
     
  • ชั้นใกล้เคียงกัน
     
  • วิวใกล้เคียงกัน
     
  • การตกแต่งแบบเดียวกัน: ห้องเปล่า / เฟอร์ครบ
     

ให้หาราคาแล้วสรุปออกมาว่า…
👉 ราคากลางในโครงการคือเท่าไรต่อเดือน
(เช่น ห้อง 26 ตร.ม. ปล่อยเช่าเฉลี่ย 12,000–13,000 บาท) นี่คือราคาที่เหมาะเป็นฐานตั้งราคา

ปรับราคาเพิ่ม–ลดตาม “จุดเด่นเฉพาะของห้อง”

ราคาตลาดเป็นแค่ตัวตั้ง แต่ราคาที่เราจะประกาศจริงต้องปรับตาม “ความน่าอยู่ของห้อง”
มี 5 ปัจจัยที่ทำให้ราคาขยับขึ้นได้แบบเห็นผล:

✔ 1) ชั้น (Floor Level)

  • ชั้นสูงกว่าราคาเพิ่ม 500–2,000 บาท
     
  • ชั้นล่าง ห้องติดถนน อาจถูกลง 500–1,000 บาท

 

✔ 2) วิวห้อง

ประเภทวิว

ผลต่อราคา

วิวสระ / วิวเปิดโล่ง

+500 ถึง +2,000

วิวเมือง (Night View)

+1,000 – +3,000

วิวติดอาคาร

-500 ถึง -1,000

 

✔ 3) เฟอร์นิเจอร์ & เครื่องใช้ไฟฟ้า

การมีเฟอร์คุณภาพดีช่วยให้ปล่อยง่ายกว่ามาก เช่น

  • เครื่องซักผ้า +1,000
     
  • ทีวี 55 นิ้ว +500
     
  • เฟอร์บิวท์อิน +1,000–2,000
     

✔ 4) ระยะจากรถไฟฟ้า/คอมมูนิตี้มอลล์

ถ้าเดินไป BTS ได้ใน 3–5 นาที ราคาจะสูงกว่าที่ต้องนั่งวินพอสมควร

✔ 5) ความใหม่ของห้อง

  • ห้องใหม่มือหนึ่ง ราคาแข็งกว่า
     
  • ห้องเก่า แต่รีโนเวทใหม่ → ขายความสะอาดน่าอยู่ได้

อย่าตั้งราคาจาก “ความรู้สึก” แต่ให้ตั้งจากตัวเลขจริง

เจ้าของหลายคนตั้งราคาตามใจ เช่น “ชั้นสูง วิวสวย ขอปล่อย 18,000 ไปเลย!” แต่ไม่ได้ดูว่าตลาดย่านนี้จ่ายไหวแค่ 12,000–14,000 บาท

สุดท้ายประกาศค้างเป็นเดือน เสียโอกาสมากกว่า

✔ ราคาปล่อยเช่าที่ดีควรอยู่ในกฎนี้

👉 ราคาตลาด ± จุดเด่นของห้อง

ตัวอย่าง:
ราคาตลาด 12,000 บาท
ห้องมีเครื่องซักผ้า +1,000
ชั้นสูง +500
วิวสระ +500

ราคาที่ควรประกาศ = 14,000 บาท

คำนวณให้คุ้มกับกำไรจริง (Yield) ไม่ใช่แค่ราคาเช่า

การปล่อยเช่าที่ดีควรมี Yield อย่างน้อย 4–6% ต่อปี
สูตรคือ: Yield = (ค่าเช่าต่อปี ÷ ราคาห้อง) × 100

ตัวอย่าง:
ค่าเช่า: 14,000 บาท
รายปี: 168,000 บาท
มูลค่าห้อง: 2.5 ล้าน

👉 Yield = 6.72% (ถือว่าดีมาก)

ถ้าคิดแล้วต่ำกว่า 3% = ไม่คุ้ม
ควรปรับราคา หรือหาวิธีเพิ่มความน่าอยู่เพื่อเพิ่มราคาเช่า

ตั้งราคาให้สู้คู่แข่งได้ (Competitive Price)

บางโครงการมีผู้ปล่อยเช่าเยอะมาก เช่น คอนโดใกล้ BTS หรือย่านมหาวิทยาลัย ในการแข่งขันสูงแบบนี้ ต้องตั้งราคาที่ “ดูดีที่สุดในกลุ่มเดียวกัน”

✔ ควรตั้งราคาแบบนี้

  • ถ้าคู่แข่งห้องคล้ายกันอยู่ที่ 13,000 → ตั้ง 12,500
     
  • ถ้าห้องคุณเฟอร์ดีกว่า → ตั้งเท่าคู่แข่ง + โชว์ภาพสวย ๆ
     

✔ เทคนิคเพิ่มมูลค่าโดยไม่ต้องลดราคา

  • ถ่ายรูปใหม่แบบสว่าง ๆ
     
  • ตกแต่งห้องเล็กๆ เช่น ผ้าม่านที่ดูดี
     
  • เสนอความคุ้มค่า เช่น ฟรีค่าส่วนกลาง ฟรีเคเบิล ฟรีอินเทอร์เน็ต
    (บางทีผู้เช่าเลือกห้องจากสิ่งนี้มากกว่าราคา!)
     

คิดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องก่อนตั้งราคาจริง

ปล่อยเช่าไม่ได้มีแค่รายรับ แต่มี รายจ่าย ที่ต้องรู้ก่อนจะกำไรจริงหรือไม่ เช่น

รายจ่ายหลัก

  • ค่าส่วนกลางรายเดือน
     
  • ค่าซ่อมบำรุง
     
  • ค่าเปลี่ยนเฟอร์/เครื่องใช้ไฟฟ้า
     
  • ค่าทำความสะอาดก่อนเข้า–หลังออก
     
  • ภาษี (กรณีปล่อยเช่าจริงจัง)
     

ให้บวกค่าใช้จ่ายทั้งหมด แล้วดูว่า
👉 ราคาที่เราตั้งยังคุ้มอยู่ไหม?

ราคาเช่าที่ดึงดูดที่สุด = ราคาที่ “คุ้มค่า” สำหรับผู้เช่า

ในสายตาผู้เช่า เค้าไม่ได้มองแต่ “ราคาเท่าไร” แต่จะดูว่า “จ่ายเท่านี้ ได้อะไรบ้าง?”

ตัวอย่าง 2 ห้องราคาเท่ากัน 13,000 บาท

ห้อง A

ห้อง B

เฟอร์น้อย ไม่มีเครื่องซักผ้า

เฟอร์ครบ + เครื่องซักผ้า

รูปมืด ๆ

รูปสวยสว่าง

ต้องจ่ายค่าส่วนกลางเอง

เจ้าของจ่ายให้

แน่นอนว่า ห้อง B ปิดดีลง่ายกว่าเยอะ แม้จะตั้งราคาเท่ากันก็ตาม

👉 นี่คือสิ่งที่เรียกว่า “Perceived Value” = คุณค่าที่ผู้เช่ารู้สึกว่าได้รับ

ตั้งราคาเช่าตามฤดูกาล (Seasonal Pricing)

คอนโดปล่อยเช่า ก็เหมือนโรงแรมหรือที่พัก ความต้องการจะมาก–น้อยแตกต่างกันในแต่ละเดือน

✔ ช่วงปล่อยง่าย (ตั้งราคาได้แพงขึ้นนิด)

  • เปิดเทอม มหาวิทยาลัย
     
  • ช่วงบริษัทเปิดรับพนักงานใหม่
     
  • ช่วงย้ายงานต้นปี
     

✔ ช่วงปล่อยยาก

  • ต้นฝน – กลางปี
     
  • เดือนที่คนไม่ค่อยย้ายห้อง

ในช่วงแบบนี้ ถ้าตั้งราคาแพงเกินไป ห้องอาจว่างนาน

วิธีเพิ่มราคาเช่าแบบต้นทุนน้อย แต่ผลลัพธ์คุ้มสุด

ถ้าอยากปล่อยราคาได้สูงขึ้น ลองลงทุนสิ่งเล็ก ๆ ที่ผู้เช่าชอบ:

✔ เครื่องซักผ้า

เพิ่มราคาได้ 800–1,000 บาท/เดือน

✔ เปลี่ยนผ้าม่านสวย ๆ

เพิ่มมูลค่าห้องแบบเห็นผล

✔ ไฟ Warm Light + หลอดใหม่

ทำให้ภาพถ่ายห้องออกมาดูแพงกว่าเดิม

✔ ฟูกเตียงคุณภาพดี

ผู้เช่าที่นอนสบาย จะอยู่ยาวขึ้น ลดปัญหาย้ายออกบ่อย

Related articles (3)