Guide to buying your first home for salaried people How to plan so that the installments are not interrupted?

post date  Posted on 26 Nov 2025   view 21
article

คู่มือซื้อบ้านหลังแรกสำหรับมนุษย์เงินเดือน วางแผนยังไงให้ผ่อนไม่สะดุด

การซื้อบ้านหลังแรก คือหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของคนวัยทำงานจำนวนมาก เพราะมันคือ “ทรัพย์สินชิ้นใหญ่” ที่บอกได้ถึงความมั่นคง และเป็นต้นทุนชีวิตที่ช่วยให้อนาคตมั่นคงขึ้น ไม่ต้องเช่าบ้านไปตลอด แต่สำหรับมนุษย์เงินเดือนหลายคน การก้าวแรกมักเต็มไปด้วยคำถาม เช่น

  • เงินเดือนเท่านี้ซื้อบ้านราคาเท่าไหร่ได้?
     
  • ต้องมีเงินเก็บเท่าไหร่ถึงจะไหว?
     
  • กู้ได้กี่เปอร์เซ็นต์? ผ่อนไหวจริงไหม?
     
  • ค่าใช้จ่ายแฝงมีอะไรบ้าง?
     
  • ควรเลือกบ้านแบบไหนให้เหมาะกับรายได้ตัวเอง?
     

บทความนี้จะช่วยให้คุณวางแผนการเงินซื้อบ้านอย่างเป็นระบบ เข้าใจง่าย พร้อมยกตัวอย่างการคำนวณแบบ step-by-step สำหรับมือใหม่ที่ต้องการซื้อบ้านหลังแรก โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนที่ต้องบริหารรายได้แบบจำกัดให้คุ้มที่สุด

1) ตั้งเป้าหมายให้ชัด: บ้านแบบไหนที่ “เหมาะกับชีวิต”

ก่อนคิดเรื่องเงิน ควรรู้ก่อนว่าคุณต้องการบ้านแบบไหน และต้องการมันไปทำไม

  • ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง
     
  • ซื้อเพราะต้องการมีทรัพย์สิน
     
  • ซื้อเพราะแต่งงานหรือเริ่มต้นครอบครัว
     
  • ซื้อเพื่ออยู่ใกล้ที่ทำงาน
     
  • ซื้อเพื่ออนาคตอยากมีบ้านใหญ่ขึ้น
     

การตั้งโจทย์ชัด จะทำให้คุณเลือกขนาดบ้าน ทำเล และราคาได้เหมาะกับฐานะมากกว่า ไม่เผลอไปรับภาระเกินตัว

คำถามนำทาง

  • ต้องการกี่ห้องนอน?
     
  • อยู่แยกเดี่ยวหรืออยู่กับครอบครัว?
     
  • ต้องการที่จอดรถกี่คัน?
     
  • ต้องการใกล้ BTS/MRT หรือขับรถเป็นหลัก?
     
  • ต้องการโครงการใหม่หรือมือสองก็ได้?

เมื่อรู้ความต้องการชัด การวางแผนการเงินจะง่ายขึ้นมาก

2) รายได้เท่านี้… ซื้อบ้านราคาเท่าไหร่ได้?

กฎพื้นฐานของการผ่อนบ้านที่ปลอดภัยคือ

❗ ผ่อนบ้านไม่ควรเกิน 35–40% ของรายได้ต่อเดือน

สูตรคำนวณเร็ว ๆ
รายได้ต่อเดือน × 40% = ค่างวดบ้านที่ไม่ควรเกิน

ตัวอย่าง
รายได้: 25,000 บาท
ค่างวดสูงสุดที่ปลอดภัย = 25,000 × 0.40 = 10,000 บาท/เดือน

ค่างวด 10,000 บาทต่อเดือน จะกู้ได้ประมาณเท่าไหร่?
โดยเฉลี่ย ค่างวด 10,000 บาท กู้ได้ประมาณ 1.5–2 ล้านบาท (ขึ้นอยู่กับดอกเบี้ยและระยะเวลากู้)

ดังนั้นมนุษย์เงินเดือน 25,000 บาท สามารถซื้อบ้านราคาประมาณ 1.5–2.2 ล้านบาท ได้แบบไม่หนักจนเกินไป

รายได้ 30,000 บาท → กู้ได้ 2–3 ล้านบาท
รายได้ 40,000 บาท → กู้ได้ 3–4 ล้านบาท
รายได้ 50,000 บาท → กู้ได้ 4–5 ล้านบาท

ข้อควรรู้: รายได้รวม (รายได้ประจำ + รายได้เสริม + โบนัสเฉลี่ยย้อนหลัง) สามารถนำมายื่นกู้ร่วมได้ ถ้าเตรียมเอกสารชัดเจน

 

3) ก่อนซื้อบ้านต้องมีเงินเก็บเท่าไหร่? (ค่าใช้จ่ายวันโอน และค่าใช้จ่ายแฝง)

นอกจากเงินดาวน์ ยังมีค่าใช้จ่ายสำคัญอื่น ๆ ที่มักถูกลืม โดยสรุปคือ…

✔ เงินดาวน์ 10–20%

บ้าน 2 ล้าน → ดาวน์ 200,000–400,000 บาท (แบ่งผ่อน 12–24 เดือน)

✔ ค่าใช้จ่ายวันโอนประมาณ 3–6% ของราคาบ้าน

รวม: ค่าธรรมเนียมโอน, ค่าจดจำนอง, ภาษีและอากรต่าง ๆ
โครงการใหม่หลายเจ้ารับผิดชอบบางส่วนให้ แต่ควรเตรียมไว้เสมอ

✔ ค่าใช้จ่ายตกแต่ง

เฟอร์นิเจอร์, ผ้าม่าน, เครื่องใช้ไฟฟ้า
เริ่มต้นที่ 40,000 บาท ไปจนถึงหลักแสน ขึ้นอยู่กับบ้าน/คอนโด

✔ บริหารงบประมาณรวม

โดยเฉลี่ยจะใช้เงินเก็บประมาณ
บ้านราคา 2 ล้านบาท → เงินเก็บ 200,000–300,000 บาท

4) สิ่งที่ต้องดูให้ละเอียดก่อนเลือกบ้าน

เพื่อไม่ให้ผิดพลาดหรือจ่ายแพงเกินความจำเป็น ให้ดูตามเช็กลิสต์นี้

1) ทำเล

  • ใกล้ที่ทำงาน
     
  • ใกล้ระบบขนส่ง (BTS/MRT)
     
  • ใกล้โรงพยาบาล, โรงเรียน, ห้าง
     
  • พื้นที่น้ำท่วมหรือไม่
     
  • มีโอกาสเติบโตในอนาคตไหม

2) ความปลอดภัย

  • ระบบเข้า–ออก
     
  • กล้องวงจรปิด
     
  • การดูแลของนิติบุคคล

3) ราคาตลาด

  • ราคาขายต่อมือสองเป็นยังไง
     
  • Yield ค่าเช่าเป็นอย่างไร ช่วยให้ไม่ซื้อแพงเกินจริง

4) ค่าส่วนกลาง

  • สูงเกินไปไหม
     
  • สิ่งอำนวยความสะดวกคุ้มกับราคาหรือเปล่า

5) วิธีคำนวณค่างวดบ้านแบบง่าย ๆ

สูตรคำนวณสำหรับมือใหม่
ค่างวดต่อเดือนประมาณ = (ยอดกู้ × 0.0065–0.0075)

ดอกเบี้ยแต่ละธนาคารต่างกัน แต่สูตรนี้ช่วยให้คำนวณเร็วและไม่คลาดเคลื่อนมาก

ตัวอย่าง
บ้านราคา 2,000,000 บาท
กู้ 90% = 1,800,000 บาท
ดอกเบี้ยเฉลี่ย = 6.5%
ค่างวด ≈ 1,800,000 × 0.0065 = 11,700 บาท/เดือน

6) ตัวอย่างการวางแผนซื้อบ้านแบบ Step-by-Step

นี่คือตัวอย่างจริงสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่อยากซื้อบ้านหลังแรก

🔹 รายได้ 30,000 บาท/เดือน

ต้องการซื้อบ้านราคา 2.2 ล้านบาท

ขั้นที่ 1: ดูค่างวดที่รับไหว

ค่างวดสูงสุดปลอดภัย = 30,000 × 40% = 12,000 บาท

ขั้นที่ 2: ประเมินยอดกู้

บ้าน 2.2 ล้าน → กู้ 90% = 1.98 ล้าน
ค่างวดประมาณ: 1.98M × 0.0065 = 12,870 บาท
เกินงบเล็กน้อย อาจต้องเพิ่มเงินดาวน์

ขั้นที่ 3: เพิ่มเงินดาวน์เพื่อลดภาระ

ถ้าดาวน์ 15% → กู้ 1.87 ล้าน
ค่างวด = 1.87M × 0.0065 = 12,155 บาท
→ เริ่มอยู่ในระดับที่ไหว

ขั้นที่ 4: เตรียมค่าใช้จ่ายวันโอน

เตรียมงบประมาณประมาณ 40,000–60,000 บาท

ขั้นที่ 5: คำนวณความเสี่ยง

  • ถ้างานไม่มั่นคง → เสี่ยงกับผ่อนระยะยาว
     
  • ถ้ามีหนี้บัตร → ต้องจัดการก่อน
     
  • ต้องมีเงินฉุกเฉิน 3–6 เดือนก่อนกู้จริง
     

7) ผ่อนบ้านให้ไหวแบบไม่เครียด ต้องวางแผนแบบนี้

✔ 1) ลดหนี้ที่ดอกเบี้ยสูงก่อน

เช่น บัตรเครดิต หรือหนี้นอกระบบ

✔ 2) มีเงินฉุกเฉินไม่น้อยกว่า 3 เดือนของค่างวด

เพื่อกันความเสี่ยงโดนยึดกรณีฉุกเฉิน

✔ 3) ไม่ผ่อนบ้านเกิน 40% ของรายได้

เพื่อให้มีเงินเหลือใช้จ่ายประจำวัน

✔ 4) วางแผนตกแต่งให้เหมาะกับงบ

เลือกซื้อทีละชิ้น ไม่ต้องครบตั้งแต่วันแรก

✔ 5) ตรวจสอบโปรธนาคารสม่ำเสมอ

บางช่วงดอกเบี้ยต่ำ ทำให้กู้ได้มากขึ้น

ซื้อบ้านหลังแรก… ไม่ยากอย่างที่คิด ถ้าวางแผนเป็นระบบ

การซื้อบ้านหลังแรกไม่ใช่เรื่องไกลตัวของมนุษย์เงินเดือนเลย สิ่งสำคัญคือ “การวางแผนทางการเงิน” อย่างรอบคอบ ซึ่งประกอบด้วย:

  • รู้รายได้และความสามารถในการผ่อน
     
  • เตรียมเงินดาวน์อย่างเหมาะสม
     
  • เข้าใจค่าใช้จ่ายวันโอนและค่าใช้จ่ายแฝง
     
  • เลือกทำเลดี คุ้มค่า
     
  • ตรวจสอบราคาตลาด
     
  • คำนวณค่างวดล่วงหน้า
     
  • มีเงินฉุกเฉินเพื่อรองรับความเสี่ยง
     

ถ้าวางแผนครบทั้ง 7–8 ขั้นนี้ โอกาสผ่านการกู้สูงขึ้นมาก และการผ่อนบ้านในระยะยาวก็จะเป็นเรื่อง “สบายกว่าเดิมเยอะ”

บ้านหลังแรกคือก้าวสำคัญของชีวิต แต่เป็นก้าวที่คุณวางแผนได้เองทั้งหมด เริ่มวันนี้ → อนาคตมั่นคงขึ้นในทุกด้าน

Related articles (3)