อยากมีคอนโดหลังแรก? วิธีวางแผนการเงินฉบับมือใหม่

post date  โพสต์เมื่อ 23 พ.ย. 2568   view 15
article

อยากมีคอนโดหลังแรก? วิธีวางแผนการเงินฉบับมือใหม่

เริ่มต้นอย่างไรให้คุ้มค่า ไม่พลาด และเลือกห้องได้ตรงใจที่สุด

สำหรับใครที่กำลังคิดจะ “ซื้อคอนโดอยู่เอง” เป็นครั้งแรก บอกเลยว่าเป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่ใหญ่พอ ๆ กับการเลือกเส้นทางชีวิต เพราะคอนโดไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่เป็นทั้งภาระผ่อนระยะยาว ความสะดวกสบาย ไลฟ์สไตล์ และความสุขประจำวันของคุณตลอดหลายปี

บทความนี้จะช่วยให้คุณวางแผนการซื้อคอนโดอย่างเป็นระบบ เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน เหมาะมากสำหรับ มือใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ และอยากเลือกคอนโดที่ “คุ้มค่าและเหมาะกับตัวเองจริง ๆ”

1. ตั้งงบก่อนหาโครงการ — ขั้นตอนแรกที่ช่วยประหยัดเวลาได้มากที่สุด

มือใหม่จำนวนมากเริ่มจาก “เดินดูโครงการก่อน” แล้วมารู้ทีหลังว่างบไม่พอ ทำให้เสียเวลาและเสียความรู้สึกโดยไม่จำเป็น ดังนั้นให้เริ่มจากงบประมาณก่อนเสมอ

วิธีคำนวณงบคร่าว ๆ ที่ปลอดภัย

  • ผ่อนคอนโด ไม่เกิน 30–35% ของรายได้ต่อเดือน
     
  • มีเงินสำรองฉุกเฉินประมาณ 3–6 เดือน ก่อนตัดสินใจซื้อ
     
  • อย่าลืมเผื่อค่าตกแต่ง ห้องเปล่าก็อาจต้องเพิ่ม 100,000–300,000 บาท
     

ตัวอย่าง

รายได้ 25,000–30,000 บาท/เดือน
→ คอนโดราคาเหมาะสมประมาณ 1.5–2.5 ล้านบาท

ตั้งงบก่อน จะช่วยให้คุณตัดตัวเลือกที่เกินกำลังออกได้ทันที

2. เลือกทำเลให้ตรงไลฟ์สไตล์ — อยู่เองต้อง “สะดวกจริง” ไม่ใช่แค่สวย

สำหรับมือใหม่ การซื้อคอนโดอยู่เองควรพิจารณาจาก “ชีวิตในแต่ละวัน” มากกว่ากระแสหรือความฮิตของทำเล

ทำเลที่ดีสำหรับอยู่เองควรมีอะไรบ้าง?

  • เดินทางสะดวก ใกล้ BTS / MRT / ทางด่วน
     
  • ใกล้ที่ทำงาน ลดเวลาเดินทาง = ลดความเหนื่อยทั้งปี
     
  • มีร้านค้าและสิ่งอำนวยความสะดวกครบ เช่น 7-Eleven, ห้าง, ตลาด
     
  • บรรยากาศปลอดภัย ไม่เปลี่ยวตอนกลางคืน
     
  • ไม่แออัดเกินไป หากต้องการความสงบและความเป็นส่วนตัว
     

เคล็ดลับมือใหม่

ไปดูทำเล “จริง” ทั้งตอนกลางวัน–กลางคืน คุณจะเห็นภาพชัดเจนว่าบรรยากาศเหมาะกับการอยู่จริงไหม

3. เลือกแบบห้องให้เหมาะกับการใช้งานจริง

การอยู่คอนโดไม่เหมือนอยู่บ้าน เพราะพื้นที่จำกัดมากกว่า ดังนั้นการเลือก Layout ดี ๆ จะทำให้คุณใช้ชีวิตสบายขึ้นมาก

แบบห้องที่ควรรู้สำหรับมือใหม่

  • Studio — ราคาถูกสุด แต่ค่อนข้างแคบ
     
  • 1 Bedroom — เหมาะกับคนทำงาน อยู่สบาย แยกห้องนอน
     
  • 1 Bedroom Plus — มีห้องอเนกประสงค์เพิ่ม เหมาะกับ Work from home
     
  • 2 Bedroom — อยู่กับครอบครัวเล็ก ๆ ได้
     

วิธีเลือกแปลนห้อง

  • ตำแหน่งห้องไม่ติดลิฟต์หรือห้องขยะ
     
  • ห้องไม่โดนแดดบ่ายทั้งวัน
     
  • มีหน้าต่างรับลม อากาศไหลเวียนดี
     
  • ห้องครัวแยก ลดกลิ่นอาหาร

4. เช็กค่าส่วนกลางและ Facility ให้ดี — ใช้จริงไหม คุ้มค่าหรือเปล่า?

มือใหม่มักมองข้ามจุดนี้ แต่จริง ๆ แล้วมีผลต่อค่าใช้จ่ายรายเดือนโดยตรง

รายการที่ต้องเช็ก

  • ค่าส่วนกลาง (คอนโดส่วนใหญ่เก็บ 40–80 บาท/ตร.ม.)
     
  • สระว่ายน้ำ / ฟิตเนส
     
  • Co-working Space
     
  • ระบบความปลอดภัย เช่น CCTV, เจ้าหน้าที่ 24 ชม.
     
  • จำนวนลิฟต์และจำนวนยูนิต (มีผลต่อความแออัด)

ถ้าโครงการ Facility ดีแต่ยูนิตน้อย ถือว่าคุ้มมาก

5. ประเมินค่าใช้จ่ายทั้งหมดก่อนโอนจริง

อย่าดูแค่ “ผ่อนธนาคาร” เพราะค่าซื้อคอนโดมีหลายรายการที่มือใหม่มักไม่รู้ เช่น

ค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียม

  • เงินดาวน์
     
  • ค่าจอง + ค่าสัญญา
     
  • ค่าตกแต่ง
     
  • ค่าจดจำนอง
     
  • ค่าธรรมเนียมโอน
     
  • ค่าประกันอาคาร
     
  • ค่าส่วนกลางรายปี

ข้อมูลเหล่านี้โครงการสามารถแจ้งให้คุณได้ก่อนเซ็นเอกสารทุกอย่าง

6. เปรียบเทียบหลายโครงการก่อนตัดสินใจ

อย่าตัดสินใจจากห้องเดียวที่เข้าไปดูครั้งแรก แม้จะดู “ถูกใจ” เพียงใดก็ตาม เพราะอาจมีตัวเลือกที่ดีกว่าในงบเดียวกัน

สิ่งที่ควรเปรียบเทียบ

  • ราคา/ตร.ม.
     
  • ทำเล
     
  • Facility
     
  • จำนวนยูนิต
     
  • แปลนห้อง
     
  • ความน่าเชื่อถือของ Developer
     
  • ความสะดวกหลังเข้าอยู่จริง

โครงการที่คุ้มที่สุดคือโครงการที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ ไม่จำเป็นต้องแพงสุด

7. เช็กโครงการให้ละเอียดก่อนเซ็นสัญญา

สำหรับมือใหม่ ต้องดูให้ครบทั้ง “กฎหมาย + โครงสร้าง + เอกสาร”

สิ่งสำคัญที่ต้องดู

  • ใบอนุญาตก่อสร้าง
     
  • วันกำหนดสร้างเสร็จ
     
  • เงื่อนไขคืนเงิน
     
  • สิ่งที่โครงการให้จริง เช่น เฟอร์นิเจอร์ / เครื่องใช้ไฟฟ้า
     
  • ขนาดห้องตามโฉนด (ต้องตรงกับที่ตกลง)

8. ทดลองอยู่ในพื้นที่ก่อนซื้อจริง (Tip ลับของคนซื้อคอนโดเป็นครั้งแรก)

ถ้าทำได้ แนะนำให้ลอง

  • เช่าอยู่ในทำเลที่สนใจก่อน
     
  • หรือใช้เวลาในละแวกนั้นสัก 1–2 วัน

คุณจะเห็นสภาพการจราจร ร้านค้า เสียงรบกวน และความปลอดภัยชัดเจนขึ้นมาก

ยกตัวอย่าง “คำนวณการเงิน” สำหรับมือใหม่

📌 ตัวอย่าง: คอนโดราคา 2,000,000 บาท

✔ เงินดาวน์ 10%

= 200,000 บาท
ผ่อนดาวน์ประมาณ 24 เดือน
→ ตกเดือนละ ~ 8,300 บาท

✔ ยอดกู้ธนาคาร = 90%

= 1,800,000 บาท

✔ ผ่อนหลังโอน

ใช้อัตราผ่อนประมาณ
6,500 บาท ต่อ 1 ล้านบาท

ดังนั้น
1.8 ล้านบาท × 6,500 =
ผ่อนประมาณ 11,700 บาท/เดือน

✔ ค่าใช้จ่ายวันโอน (ประมาณ)

  • ค่าธรรมเนียมโอน 1% = 20,000
     
  • ค่าจดจำนอง 1% = 20,000
     
  • ค่ามิเตอร์ไฟ / น้ำ = 2,000
    โดยรวมประมาณ = 42,000 บาท

✔ ค่าส่วนกลาง

สมมติ 35 ตร.ม. × 60 บาท = 2,100 บาท/เดือน

📌 รวมค่าใช้จ่ายต่อเดือนหลังอยู่จริง

ผ่อนแบงก์: 11,700
ค่าส่วนกลางเฉลี่ย: 2,100
ค่าน้ำไฟ: 1,000–1,500
รวมประมาณ = 14,800–15,300 บาท/เดือน

ซื้อคอนโดอยู่เองให้คุ้ม ต้อง “วางแผนก่อนเสมอ”

การซื้อคอนโดอยู่เองไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าคุณวางแผนให้ดีตั้งแต่ต้น โดยเฉพาะเรื่องงบ ทำเล แปลนห้อง และค่าใช้จ่ายหลังเข้าอยู่

✔ ตั้งงบประมาณให้ชัด
✔ เลือกทำเลที่สะดวกกับชีวิตจริง
✔ เปรียบเทียบหลายโครงการก่อนตัดสินใจ
✔ เช็กค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ครบ
✔ เลือกแปลนห้องที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของตัวเอง

เมื่อเตรียมพร้อมอย่างเป็นระบบ คุณจะได้คอนโดที่ “อยู่สบาย คุ้มค่า และไม่เป็นภาระในระยะยาว

บทความที่เกี่ยวข้อง (3)