WeChat ID :
การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นหนึ่งในช่องทางสร้างรายได้ที่มั่นคง และสำหรับปี 2025 ตลาดบ้านและคอนโดในไทยยังมีความน่าสนใจอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มองหาบ้านเพื่ออยู่อาศัยเอง หรือเป็นนักลงทุนปล่อยเช่า เรามาลองดูกันว่าทำไม “บ้านในไทย” ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าลงทุน
1. ผลตอบแทนเช่าที่สูงกว่าค่ากู้ (Rental Yield ท่วมท้น)
หนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้บ้านในไทยยังน่าลงทุนคือ ผลตอบแทนจากค่าเช่าสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยอยู่ประมาณ 1.75% ซึ่งถือว่าต่ำมาก ทำให้ต้นทุนการกู้ซื้อบ้านลดลง เมื่อเทียบกับผลตอบแทนสุทธิจากค่าเช่าในทำเลสำคัญอย่างกรุงเทพฯ หรือภูเก็ตที่อยู่ระหว่าง 7–10% ต่อปี
ยิ่งในพื้นที่นักท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่ากลายเป็น ช่องทางสร้างรายได้ที่น่าสนใจสูงถึง 6–11% ต่อปี ซึ่งหมายความว่าหากลงทุนซื้อบ้านหรือคอนโดเพื่อปล่อยเช่า สามารถคืนทุนได้เร็ว และยังสร้างกระแสเงินสดประจำเดือนที่มั่นคง
ข้อคิด: สำหรับนักลงทุนที่สนใจรายได้ประจำจากค่าเช่า การเลือกทำเลที่มี Demand สูง เช่น ย่านท่องเที่ยว หรือย่านใกล้สถานที่ทำงานและโรงเรียนนานาชาติ จะช่วยเพิ่มโอกาสได้ผลตอบแทนสูง

นอกจากรายได้จากค่าเช่าแล้ว ราคาทรัพย์สินยังเติบโตต่อเนื่อง ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% ต่อปี และถ้ารวมค่าเช่า ผลตอบแทนรวมอาจสูงถึง 15–20% ต่อปี
ตัวอย่างเช่น ภูเก็ตถือเป็นหนึ่งในทำเลทอง ราคาที่ดินเติบโตเฉลี่ย 10.7% ต่อปี และยังมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมียมในพื้นที่ที่มีอุปสงค์สูง การลงทุนในบ้านหรือคอนโดในทำเลที่เติบโตสูง ไม่เพียงแต่สร้างรายได้จากค่าเช่า แต่ยังเป็นการเก็บทรัพย์สินที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในระยะยาว
ข้อคิด: การเลือกบ้านหรือคอนโดในทำเลที่มีศักยภาพสูง จะช่วยสร้างทั้งกระแสเงินสดจากค่าเช่าและ Capital Gain ในอนาคต

โครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น Eastern Economic Corridor (EEC) กำลังเปลี่ยนพื้นที่ชลบุรีและบริเวณใกล้เคียงให้กลายเป็นศูนย์ธุรกิจและเมืองอัจฉริยะ ส่งผลให้ราคาทรัพย์สินในพื้นที่นั้นเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ การขยายระบบคมนาคม เช่น รถไฟความเร็วสูง การปรับปรุงสนามบิน และการสร้างสนามบินใหม่ เช่น ที่ภูเก็ตและกระบี่ ช่วยกระตุ้นความต้องการอสังหาริมทรัพย์ทั้งในพื้นที่ท่องเที่ยวและพื้นที่เศรษฐกิจ
สำหรับกรุงเทพฯ การขยาย BTS-MRT ทำให้ย่านรอบสถานีรถไฟฟ้ากลายเป็นพื้นที่ฮอต ทั้งนักลงทุนไทยและต่างชาติให้ความสนใจ พร้อมสิทธิประหยัดภาษีและมาตรการสนับสนุนการลงทุนจากรัฐบาล
ข้อคิด: ทำเลใกล้โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเป็นตัวช่วยเพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน และทำให้โอกาสปล่อยเช่าสูงขึ้น
ชาวต่างชาติยังคงสามารถลงทุนในคอนโดในไทยได้อย่างมั่นใจ ด้วย สิทธิ์การถือกรรมสิทธิ์ (Freehold) สูงสุด 49% ของโครงการ และสามารถทำสัญญาเช่าที่ดินระยะยาว (Leasehold) สูงสุด 30 ปี ซึ่งขยายได้ตามกฎหมาย
นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมวีซ่า เช่น Thailand Elite Visa และ Long-Term Residence (LTR) Visa สำหรับนักลงทุนหรือผู้เกษียณอายุ เพื่ออำนวยความสะดวกในการถือครองทรัพย์สิน
ธนาคารและหน่วยงานอสังหาฯ ยังมีมาตรการกระตุ้น เช่น การผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ให้สูงสุด 100% พร้อมลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนอง ทำให้การลงทุนง่ายและเข้าถึงได้มากขึ้น
ข้อคิด: นักลงทุนต่างชาติสามารถเข้ามาในตลาดไทยได้อย่างมั่นใจ และมีโอกาสสร้างรายได้จากค่าเช่าและมูลค่าบ้านในระยะยาว
ตลาดนักท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเข้ามาเกิน 40 ล้านคนในปี 2025 ส่งผลให้ความต้องการเช่าระยะสั้นในกรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา และเชียงใหม่พุ่งสูง
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้พักอาศัยระยะยาว เช่น ผู้เกษียณ (silver economy) และ ดิจิทัลโนแมด ซึ่งต้องการเช่าคอนโดและบ้านในทำเลดี ทำให้กระแสเงินสดจากค่าเช่ามีความมั่นคง
ยังมีแรงซื้อจากชาวต่างชาติ เช่น ชาวพม่า เนื่องจากสถานการณ์ภายในประเทศ ส่งผลให้ยอดขายคอนโดแก่ผู้ซื้อชาวพม่าพุ่งขึ้นถึง 3 เท่าภายใน 9 เดือน
ข้อคิด: ความต้องการเช่าที่สูงและหลากหลายจากทั้งนักท่องเที่ยวและผู้อยู่อาศัยระยะยาว ทำให้การลงทุนในบ้านและคอนโดไทยยังคงมั่นคงและน่าสนใจ

สำหรับนักลงทุนหรือผู้ที่กำลังมองหาบ้านเพื่อปล่อยเช่า บ้านและคอนโดในไทยยังคงเป็น โอกาสลงทุนที่มั่นคงและสร้างผลตอบแทนสูง หากเลือกทำเลดีและเตรียมความพร้อมทางการเงิ