WeChat ID :
ยื่นกู้ซื้อบ้านในไทย ใช้รายได้ “คู่สมรสต่างชาติ” ได้จริงไหม?
สำหรับคนไทยที่แต่งงานกับชาวต่างชาติ แล้วอยากซื้อบ้านหรือคอนโดในประเทศไทย เรื่องสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือ “การกู้สินเชื่อบ้าน” หลายคนอาจสงสัยว่า สามารถใช้รายได้ของคู่สมรสต่างชาติมาช่วยเสริมกำลังซื้อในการกู้ได้ไหม?
คำตอบคือ “ได้” แต่ต้องเข้าใจเงื่อนไขและเอกสารที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้อง เพื่อเตรียมตัวล่วงหน้าและเพิ่มโอกาสอนุมัติสินเชื่อแบบไม่สะดุด
บทความนี้จะพาไปรู้ลึกแบบเข้าใจง่าย ตั้งแต่หลักการของธนาคาร เอกสารที่ต้องเตรียม ไปจนถึงข้อควรระวังที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน เหมาะสำหรับทั้งคนไทยที่ทำงานต่างประเทศ คนที่มีคู่สมรสต่างชาติ และครอบครัวที่กำลังวางแผนลงทุนอสังหาฯ ในไทย

โดยหลักการทั่วไป ธนาคารไทยส่วนใหญ่ อนุญาต ให้ “คู่สมรสชาวต่างชาติ” สามารถเป็น ผู้กู้ร่วม (Co-borrower) ได้เหมือนคู่สมรสชาวไทย แต่จะมีข้อกำหนดสำคัญที่ต้องรู้คือ:
นี่คือกฎหมายไทยที่ชัดเจน ชาวต่างชาติไม่สามารถถือกรรมสิทธิ์ “ที่ดิน” ได้ ไม่ว่าจะซื้อเองหรือซื้อร่วมกับคู่สมรสคนไทยก็ตาม
ดังนั้น ถ้าซื้อ บ้านพร้อมที่ดิน → ชื่อกรรมสิทธิ์ต้องเป็นชื่อของคนไทยเพียงฝ่ายเดียว
ธนาคารจะนำรายได้ของคู่สมรสต่างชาติมาคำนวณร่วม เพื่อให้กู้ได้วงเงินสูงขึ้น เช่น
– รายได้รวมมากขึ้น → วงเงินกู้สูงขึ้น
– ความสามารถชำระหนี้มากขึ้น → อนุมัติง่ายขึ้น
เนื่องจากรายได้เกิดขึ้นในต่างประเทศ ธนาคารจะตรวจเข้มกว่าปกติเล็กน้อย เช่น ดูแหล่งที่มาของเงิน ความสม่ำเสมอ และการโอนเงินระหว่างประเทศ

การเตรียมเอกสารให้ครบคือหัวใจสำคัญของการกู้ เพราะธนาคารต้องตรวจสอบรายได้จากต่างประเทศแบบละเอียด รายการหลัก ๆ ได้แก่:
ใช้ยืนยันตัวตน ประวัติการเข้า–ออก รวมถึงการพำนักในประเทศอื่น
ขึ้นกับกรณี เช่น
– คู่สมรสทำงานในไทย → Work Permit
– คู่สมรสทำงานต่างประเทศ → เอกสารจากบริษัทต้นทาง เช่น Employment Letter
ธนาคารต้องการดูรายได้ที่สม่ำเสมอต่อเนื่อง
ใช้ยืนยันการรับรายได้จริง ธนาคารอาจขอ 6–12 เดือน ขึ้นอยู่กับนโยบาย
เป็นหลักฐานยืนยันความสัมพันธ์ และเพื่อแสดงความเชื่อมโยงของรายได้ในการกู้ร่วม
เช่น Tax Return เพื่อแสดงว่าเป็นรายได้ถูกต้องตามกฎหมายประเทศต้นทาง
เอกสารที่ไม่ใช่ภาษาไทยหรืออังกฤษ ต้องแปลและรับรองโดยผู้แปลที่มีลายเซ็นรับรอง (บางธนาคารหาระบุว่าต้องเป็นผู้แปลที่ได้รับการรับรองจากสถานทูต)
ถึงแม้คู่สมรสต่างชาติจะกู้ร่วมได้ แต่เงื่อนไขจะเข้มกว่าปกติเล็กน้อย โดยส่วนใหญ่จะมีหลักการดังนี้:
คือชื่อของคนไทยจะใช้เป็นกรรมสิทธิ์ตัวบ้าน/ที่ดิน ส่วนคู่สมรสต่างชาติเป็นเพียงผู้กู้ร่วม
ธนาคารจะดู:
– ความสม่ำเสมอของเงินเข้า
– อายุงาน
– สัญญาจ้างงาน
– ความมั่นคงของบริษัทต้นทาง
รายได้จากต่างประเทศต้องถูกคำนวณเป็นเงินบาท
ถ้าสกุลเงินอ่อนค่า → อาจถูกตีมูลค่าน้อยลง → วงเงินลดลง
หลายธนาคารต้องการเห็น “เส้นทางการโอนเงิน” ตัวอย่างเช่น
– เงินเดือนโอนเข้าบัญชีต่างประเทศ
– จากนั้นโอนเข้าบัญชีไทยเป็นประจำ
ยิ่งทำสม่ำเสมอ → ยิ่งเพิ่มโอกาสกู้ผ่าน
นี่คือประเด็นสำคัญที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านหรือคอนโดกับคู่สมรสต่างชาติ:
ตามกฎหมาย ชาวต่างชาติสามารถถือกรรมสิทธิ์คอนโดได้ ไม่เกิน 49% ของพื้นที่โครงการทั้งหมด
ดังนั้น ถ้าซื้อ คอนโด → ชื่อกรรมสิทธิ์จะใส่เป็นคนต่างชาติได้ (ตามสัดส่วนที่กฎหมายกำหนด)
– ชื่อที่ดินต้องเป็นคนไทย
– คู่สมรสต่างชาติจะเป็นเพียงผู้กู้ร่วม ไม่สามารถถือกรรมสิทธิ์ได้เลย
(แม้ช่วยผ่อน แต่ไม่มีชื่อเป็นเจ้าของที่ดิน)
ชื่อกรรมสิทธิ์ยังคงเป็นของคนไทย 100% จึงควรตกลงเรื่องความรับผิดชอบทางการเงินให้ชัดเจน
เพราะการขอเอกสารจากต่างประเทศ ใช้เวลา เช่น Statement ต่างประเทศบางธนาคารต้องยื่นคำร้องเป็นสัปดาห์
ถ้าอยากให้การกู้ราบรื่นขึ้น ลองดูเคล็ดลับนี้ได้เลย
ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและเห็นรายได้จริงในประเทศไทย
ควรให้ผู้แปลที่มีใบอนุญาต หรือมีตราประทับรับรอง จะช่วยลดความเสี่ยงธนาคารปฏิเสธเอกสาร
บางธนาคารมีนโยบายยืดหยุ่นกว่า เช่น ธนาคารที่เน้นลูกค้าต่างประเทศ–ลูกค้าไทยในต่างแดน (Expat/Overseas Product)
เพราะธนาคารจะดู Debt Burden รวมของทั้งคู่ ควรวางแผนค่าใช้จ่ายก่อนยื่นเอกสาร
โดยสรุปแล้ว คู่สมรสต่างชาติสามารถกู้ร่วมเพื่อซื้อบ้านหรือคอนโดในไทยได้จริง หากมีเอกสารครบและพิสูจน์รายได้ได้อย่างชัดเจน แต่ต้องเข้าใจข้อจำกัดเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดิน รวมถึงเงื่อนไขเฉพาะของแต่ละธนาคาร
หากเตรียมตัวดี แผนการซื้อบ้านหรือคอนโดของครอบครัวสองสัญชาติก็เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายขึ้น และช่วยเพิ่มโอกาสอนุมัติสินเชื่อแบบไม่สะดุด